วันพฤหัสบดีที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2559

อิเหนา ตอน ศึกกะหมังกุหนิง




ดินแดนชวาโบราณ มีกษัตริย์หนึ่งเรียกว่า วงศ์อสัญแดหวา หรือ วงศ์เทวากล่าวกันว่าวงศ์นี้มีพี่น้อง
สี่องค์ องค์พี่ครองเมืองกุเรปัน องค์ที่สองครองเมืองดาหาองค์ที่สามครองเมืองดาหลัง และองค์ที่สี่ครองเมืองสิงหัดส่าหรีกษัตริย์วงศ์เทวามีอานุภาพยิ่งใหญ่ด้วยยศศักดิ์ถือตัวว่าเป็นชนชั้นสูง จึงอภิเษกกันเฉพาะในวงศ์พี่น้องนอกจากนี้ทั้งสี่เมืองเท่านั้นที่สามารถ แต่งตั้งมเหสีได้ ๕ องค์ ตามลำดับตำแหน่ง คือ ประไหมสุหรีมะเดหวี มะโต ลิกู และเหมาหลาหงี แต่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเมืองหมันหยาซึ่งเป็นเมืองเล็กกว่ากล่าวคือ เจ้าเมืองนี้มีราชธิดาสามองค์ องค์โตชื่อนิหลาอระตา ได้ไปเป็นประไหมสุหรีเมืองกุเรปันองค์ที่สองชื่อ ดาหราวาตี ได้ไปเป็นประไหมสุหรีเมืองดาหา ส่วนองค์สุดท้องชื่อ จินดาส่าหรีได้อภิเษกกับโอรสท้าวมังกัน และได้ครองเมืองหมันหยาท้าวกุเรปันมีโอรสองค์แรกกับลิกู ชื่อว่า กะหรัดตะปาตีต่อมามีโอรสกับประไหมสุหรีเป็นหนุ่มรูปงามและเก่งกล้าสามารถมาก ชื่อ อิเหนา หรือระเด่นมนตรี และมีราชธิดาชื่อวิยะดา ส่วนท้าวดาหามีราชธิดากับประไหมสุหรีชื่อ บุษบาและมีโอรสชื่อ สียะตรา บุษบามีอายุไล่เลี่ยกับอิเหนา ท้าวกุเรปันจึงหมั้นบุษบาให้กับอิเหนาและสียะตราก็หมั้นหมายกันไว้กับวิยะดาส่วนระตูหมันหยากับประไหมสุหรีก็มีราชธิดาชื่อระเด่นจินตะหราอายุรุ่นราวคราวเดียวกับอิเหนา ท้าวสิงหัดส่าหรีกับประไหมสุหรีมีโอรสชื่อระเด่นสุหรานากงราชธิดาชื่อระเด่นจินดาส่าหรี ท้าวกาหลังมีราชธิดาชื่อ ระเด่นสกาหนึ่งรัดซึ่งเป็นคู่ตุนาหงันของสุหรานากงเมื่อพระอัยยิกาที่เมืองหมันหยาสิ้นพระชนม์ ท้าวกุเรปันมอบหมายให้อิเหนาไปร่วมพิธีถวายพระเพลิงพร้อมกับกะหรัดตะปาตี อิเหนาพบจินตะหราก็หลงรักจนพิธีถวายพระเพลิงเสร็จแล้วก็ยังไม่ยอมกลับกุเรปันท้าวกุเรปันจึงต้องอ้างว่าประไหมสุหรีจะมีพระประสูติกาลให้กลับมาเป็นกำลัง ใจให้พระราชมารดาอิเหนาจำใจต้องกลับมาประจวบกับพระราชมารดาประสูติ พระราชธิดาหน้าตาน่ารัก นามว่าระเด่นวิยะดาอย่างไรก็ตามอิเหนายังหาทางกลับไปเมืองหมันหยาอีก โดยอ้างว่าจะไปประพาสป่าแล้วปลอมตัวเป็นโจรป่าชื่อ มิสารปันหยี ระหว่างทางได้รบกับระตูบุศิหนาน้องชายสุดท้องของระตูปันจะรากันและระตูปักมาหงันปรากฏว่าระตูบุศสิหนาตายในที่รบนางดรสาซึ่งเพิ่งเข้าพิธีอภิเษกกับระตูบุศสิหนาจึงกระโดดเข้ากองไฟตายตามพระ สวามีส่วนระตูจะรากันและระตูปักมาหงันยอมแพ้และถวายพระธิดาและพระโอรสให้อิเหนา คือนางสะการะวาตี นางมาหยารัศมี และสังคามาระตาเมื่ออิเหนาเข้าเมืองหมันหยาได้ก็ลักลอบเข้าหานางจินตะหราแล้วได้สองนางคือนางสะการะวาตีและนางมาหยารัศมีเป็นชายา และรับสังคามาระตาเป็นน้องชายท้าวกุเรปันเรียกอิเหนากลับเมืองถึงสองครั้ง พร้อมทั้งนัดวันอภิเษกระหว่างอิเหนากับบุษบาแต่อิเหนาไม่ยอมกลับ สั่งความตัดรอดนางบุษบา ท้าวกุเรปันและท้าดาหาทราบเรื่องก็ขัดเคืองพระทัยท้าวดาหาถึงกับหลุดปากว่าถ้าใครมาขอบุษบาก็จะยกให้ฝ่ายจรกา ระตูเมืองเล็กเมืองหนึ่ง และเป็นอนุชาของท้าวล่าส่ำ (ท้าล่าส่ำผู้นี้มีธิดา คือระเด่นกุสุมา เป็นคู่หมั้นของสังคามาระตา) จรกาเป็นชายรูปชั่วตัวดำ แต่อยากได้ชายารูปงามจึงให้ช่วงวาดไปแอบวาดภาพราชธิดาของเมืองสิงหัดส่าหร คือ นางจินดาส่าหรีครั้นทราบข่าวว่านางบุษบาสวยงามมากจึงให้ช่างวาดแอบวาดภาพนางบุษบาอีกช่างวาดแอบวาดภาพได้ ๒ ภาพ คือ ตอนนางบุษบาเพิ่งตื่นบรรทมและภาพที่แต่งองค์เต็มที่ขณะเดินทางกลับองค์ปะตาระกาหลาบันดาลให้รูปนางบุษบาที่ทรงเครื่องตกหายไปจรกาได้เห็นภาพที่เพิ่งตื่นบรรทมเท่านั้นก็หลงใหลถึงกับสลบลงทันทีเมื่อจรกาได้ข่าวจากช่างวาดภาพว่าบุษบาร้างคู่ตุนาหงัน จึงรีบให้ระตูล่าส่ำ พี่ชายมาสู่ขอบุษบาท้าวดาหากำลังโกรธอิเหนาอยู่แม้จะรู้ว่าจรการูปชั่ว ต่ำศักดิ์ แต่เมื่อพลั้งปากว่าใครมาขอก็จะยกให้จึงจำใจยากนางบุษบาให้จรกาและกำหนดการวิวาห์ภายในสามเดือนกล่าวถึงกษัตริย์อีกวงศ์หนึ่ง องค์พี่ครองเมืองกะหมังกุหนิง มีพระโอรสชื่อ วิหยาสะกำองค์รองครองเมืองปาหยัง มีพระธิดา ๒ องค์ คือ นางรัตนาระติกา และ รัตนาวาตีองค์สุดท้องครองเมืองปะหมันสลัด มีพระโอรสชื่อ วิหรากะระตา มีพระธิดาชื่อ บุษบาวิลิศอยู่มาวิหยาสะกำโอรสท้าวกะหมังกุหนิงเสด็จประพาสป่า พบภาพวาดของนางบุษบาทรงเครื่องที่หายไปก็คลั่งไคล้ใหลหลงถึงกับสลบเช่นกันท้าวกะหมังกุหนิงรักและเห็นใจโอรสมากจึงให้คนไปสืบว่านางในภาพนั้นเป็นใครแล้วก็ให้แต่งทูตไปขอนางบุษบา แต่ท้าวดาหาปฏิเสธเพราะได้ยกให้ระตูจรกาไปก่อนหน้านั้นแล้วจึงทำให้เกิดศึกชิงนางขึ้น ชื่อว่า ศึกกะหมังกุหนิงเนื้อเรื่องย่อ อิเหนา ตอนศึกกะหมังกุหนิงเมื่อท้าวกะหมังกุหนิงส่งทูตไปขอบุษบา แต่ได้รับการปฏิเสธจากท้าวดาหาจึงเตรียมจัดทัพยกไปตีเมืองดาหาโดยให้พระอนุชา คือ ระตูปาหยังและระตูประหมันรวมทั้งหัวเมืองทั้งปวงยกทัพมาช่วย ท้าวกะหมังกุหนิงให้วิหยาสะกำเป็นทัพหน้าระอนุชาทั้งสองเป็นทัพหลัง ส่วนพระองค์เป็นจอมทัพ แต่ก่อนที่จะยกทัพไปนั้นโหรทำนายว่าดวงชะตาของท้าวกะหมังกุหนิงและวิหยาสะกำนั้นฆาตถ้ายกทัพไปในวันรุ่งขึ้นจะพ่ายแพ้แก่ศัตรู ควรงดเว้นการทำศึกไปก่อน ๗วันจึงพ้นเคราะห์แต่ท้าวกะหมังกุหนิงก็ไม่เปลี่ยนพระทัยฝ่ายท้าวดาหาได้ขอความช่วยเหลือไปยังท้าวกุเรปัน ท้าวกาหลังและท้าวสิงหัดส่าหรีท้าวกุเรปันส่งราชสารฉบับหนึ่งสั่งให้อิเหนายกทัพไปช่วยท้าวดาหาทำศึกอีกฉบับหนึ่งส่งไปให้ระตูหมันหยาโดยตำหนินางจินตะหราส่าเป็นต้นเหตุให้อิเหนาตัดรอนนางบุษบาส่งผลให้เกิดศึกสงครามขึ้น ระตูหมัน หยารู้สึกผิดจึงเร่งให้อิเหนายกทัพไปเมืองดาหาส่วนท้าวกาหลังให้ตำมะหงงกับดะหมังคุมทัพมาช่วยท้าวสิงหัดสาหรีส่งสุหรานากงผู้เป็นโอรสมาช่วยรบเมื่อทัพที่จะช่วยเมืองดาหารบมากันครบแล้ว อิเหนาจึงมีบัญชาให้จัดทัพเตรียมรบกับทัพท้าวกะหมังกุหนิงครั้นทั้งสองฝ่ายเผชิญทัพกัน สังคามาระตาเป็นคู่ต่อสู้กับวิหยาสะกำและสังหารวิหยาสะกำได้ท้าวกะหมังกุหนิงเห็นโอรสถูกสังหารตกจากม้าก็โกรธ ขับม้าเข้าไล่สังคามาระตาอิเหนาจึงเข้าสกัดและต่อสู้กับท้าวกะหมังกุหนิง ทั้งสองมีฝีมือทัดเทียมกันทั้งเพลงหอกและกระบี่ผลัดกันแพ้ผลัดกันชนะหลายกระบวนเพลง ในที่สุดอิเหนาจึงใช้กริชสังหารท้าวกะหมังกุหนิงได้ทัพฝ่ายกะหมังกุหนิงก็แตกพ่ายไป ระตูปาหยังและระตูประหมันยอมอ่อนน้อมต่ออิเหนาและจะขอส่งเครื่องบรรณาการมาถวายตามประเพณีอิเหนาจึงอนุญาตให้นำศพของท้าวกะหมังกุหนิงและวิหยาสะกำกลับไปทำพิธีตามราชประเพณี